วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของ Paking Mode กัน ในทุกวันนี้กล้องติดรถยนต์เริ่มที่จะมีฟั่งชั่นนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการทำงานก็อาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กๆน้อย กล้องทั่วๆไปในตลาดอาจจะไม่มีฟังชั่นนี้เพราะว่าการทำงานของ Paking Mode จะซับซ้อนเล็กน้อยในขั้นตอนของการติดตั้งตัวกล้องติดรถยนต์ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับว่า Parking Mode นั้นมีไว้เพื่ออะไรและทำงานร่วมกับกล้องติดรถยนต์อย่างไร

Parking Mode ในกล้องติดรถยนต์ มีเพื่อเอาไว้บันทึกภาพจากกล้องติดรถยนต์ขณะที่รถยนต์มีการจอดหรืออยู่นิ่งสนิท โดยจะทำการบันทึกเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเท่านั้น เหตุการณ์ที่ว่านั้นสามารถตั้งค่าได้อยู่ 2 แบบด้วยกัน

1. การบันทึกแบบ Motion Detection หรือ เป็นการบันทึกเมื่อมีคนเดินผ่านหรือเข้ามาใกล้รถเราทางด้านหน้า หรือ ด้านหลังของตัวรถที่มีกล้องติดรถยนต์ของเราติดตั้งอยู่ โดยที่การทำงานของ Parking Mode ของกล้องติดรถยนต์ Mio แบบ Motion detection นั้นจะมีให้ตั้งค่าด้วยกันอยู่ 3 ระดับนั่นคือ Low, Normal, High

2. การบันทึกโดยอาศัย G-Sensor โดยตัวกล้องติดรถยนต์ของเราจะมี G-sensor อยู่ ซึ่งระบบ Parking จะทำงานและบันทึกภาพไว้ก็ต่อเมื่อรถเราโดนกระแทกเมื่อจอดอยู่โดย G-sensor ก็จะสามารถตั้งค่าได้ 3 ระดับเช่นเดียวกันกับ Motion Detection นั่นคือ Low, Normal, High

โดยตัว G-Sensor จะสามารถจับการสั่นสะเทือนของตัวรถได้และจะบันทึกเมื่อมีการชนหรือการกระแทกแรงๆที่ตัวรถ กล้องติดรถยนต์จะทำการบันทึกเป็นเวลา 20 วินาทีในกล้องติดรถยนต์ของ Mio

วีดีโอสั้นๆนี้จะแสดงให้เห็นถึงการทำงานของทั้ง 2 โหมดของระบบ Parking ที่มีในกล้องติดรถยนต์ของ Mio Mivue

การป้องกันแบตเตอรี่หมดหรือใช้งานไม่ได้เมื่อเราติดตั้ง Parking Mode ในรถยนต์ของเรา

เมื่อเราได้ทำงานติดตั้ง Parking Mode หรืออุปกรณ์เสริมตัวนี้เพื่อให้กล้องสามารถทำงานได้ในขณะที่ตัวรถเราดับอยู่ โดยที่กล้องติดรถยนต์เราจะอาศัยไฟจากแบตเตอรี่ของรถยนต์

1. สามารถตั้งเวลาได้ว่าเมื่อเกิน 12 หรือ 24 ชั่วโมงให้ตัดการทำงานของตัวกล้องติดรถยนต์

2. กล้องจะสามารถตรวจสอบประจุไฟในตัวแบตเตอรี่ได้ว่าค่า Voltage อยู่ที่เท่าไหร่และจะตัดการทำงานทันทีเพื่อให้รถยนต์สามารถทำงานต่อได้อย่างปกติ

ตัวอย่างงานติดตั้งโดยช่างที่ชำนาญระบบกล้องติดรถยนต์โดยทำงานติดตั้งพร้อมตัว Parking เพื่อให้กล้องติดรถยนต์สามารถใช้งานระบบ Parking Mode ได้